Tuesday, 27 April 2010

เมื่อไหร่จะจัดการกับมันเสียที่

เรียน เพื่อน FB

คำพูดหนาหูมากที่สุดตอนนี้คือ “รัฐบาลทำอะไรอยู่” “เมื่อไรจะจัดการกับม็อบเสียที” “ขอให้รัฐบาลเด็ดขาด” “เบื่อรัฐบาลไม่ทำอะไรเสียที” และมีเพื่อนๆ FB ถามถึงแนวความคิดของผมในเรื่องนี้มาตลอด

ก่อนอื่นผมขอบอกกับพวกเรานะครับว่าได้กำลังใจจากพวกเรามาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่ได้รับกำลังใจว่าให้ “อดทน” นั้น ผมจะตระหนักเสมอว่าการอดทนต่อการกระทำของฝั่งตรงข้ามไม่เคยเป็นปัญหา แต่ที่ยากลำบากที่สุดคือความอดทนที่ต้องมีต่อความไม่พอใจของพวกที่รักเราและสนับสนุนเรา

ขณะที่ผมเขียนนี้ มีชาวFBที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นไม่อยากให้รัฐบาลยุบสภาตามการข่มขู่ของกลุ่มเสื้อแดงแล้วประมาณ 440,000 คน ส่วนใหญ่ที่ยังไม่อยากให้ยุบสภาก็เพราะไม่คิดว่าการที่มีอันธพาลมากดดันด้วยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายเป็นวิธีที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย รัฐบาลเองก็ไม่คิดจะยุบด้วยเหตุเดียวกัน

แม้ความสูญเสียทางชีวิตก็เกิดขึ้น โดยที่มีความชัดเจนว่าฝั่งรัฐบาล มีความพยายามมาโดยตลอดที่จะไม่ใช้ความรุนแรง จนกระทั่งแม้แต่ฝ่ายตนเองยังตำหนิว่า “หน่อมแน้ม” เกินไป

สังคมไทยมีระดับการพัฒนามาเรื่อย ๆ ก่อนหน้าวันที่ 10 เมษายน จะมีความเชื่อโดยทั่วไปว่า ถ้ามีการประท้วงและมีการประทะกันถึงขั้นชีวิต รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ แต่ในยุคนี้ ระบบการสื่อสารและการเข้าถึงและเข้าใจข้อมูลทำให้สังคมไทยแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไรและใครเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้ที่มีเจตนาฆ่าคนเพื่อให้สังคมกดดันรัฐบาลให้ยอมแพ้จึงต้องผิดหวัง และสังคมก็ได้ประนามความชั่วร้ายของกลยุทธ์นี้

ประเด็นที่ท้าทายก็คือ รัฐบาลที่ไม่ประสงค์จะใช้ความรุนแรงกับพลเมืองของตัวเอง มีทางเลือกอะไรบ้าง ในสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน

ก็จะมีคนบอกว่า มันเป็นผู้ก่อการร้าย อย่างนี้มีสิทธิ์ต้องจัดการเด็ดขาด ก็ต้องถามกลับด้วยความเคารพจริง ๆ ครับว่าที่มาชุมนุมอยู่เป็นหมื่น ๆ คนนั้น เราถือว่าเป็นผู้ก่อการร้ายทุกคนจริงหรือ และเราจำเป็นต้องกวาดล้างเข่นฆ่าทุกคนจริงหรือ พวกเราส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ก็จัดการกับแกนนำเสียสิ

อันนี้ผมเห็นด้วยครับ รัฐบาลก็ได้พยายามแล้วแต่คว้าน้ำเหลว เสียท่า เสียหน้า และเสียโอกาส ผู้บัญชาการก็ยืดอกรับผิดชอบแล้ว มีการเปลี่ยนตัวไปเรียบร้อย แต่ข้อเท็จจริงก็คือ เราไม่สามารถพึ่งเจ้าหน้าที่ ๆ รับผิดชอบได้ ถามตำรวจเขาก็จะบอกเองครับว่า ส่วนใหญ่เขา “แดง” ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะจริง ๆ เราไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีสี ขอให้ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมายก็เพียงพอแล้ว ตำรวจเขาก็จะบอกว่า เขาก็เคยทำอย่างนั้นสมัยเสื้อเหลือง แต่ก็โดนสังคมประณาม ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขเยียวยาต่อไป แต่ผมคิดว่าในจังหวะนี้ประเทศบอบช้ำมาเพียงพอ จากการไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของทุกๆฝ่าย เราไม่อยากฟังข้ออ้างหรือคำอธิบาย ใครมีหน้าที่ๆจะบังคับใช้กฎหมายแต่ไม่พร้อมทำ ด้วยเหตุผลเพราะเลือกข้างหรือเพราะไม่อยาก “เปลืองตัว” ก็ต้องให้คนอื่นมาทำแทน

นอกจากนั้น กลุ่มแกนนำเขาก็มีฝูงชนเป็นเกราะกำบัง ขณะนี้เขาจะมีการ์ดแดงอยู่เป็นวงรอบนอก และก็จะมีอีกวงหนึ่งเป็นวงรอบใน อาวุธน่าจะมีครบ และระหว่างสองวงก็จะมีชาวบ้านเป็นกันชน ใครบุกเข้าไปพยายามจับแกนนำ เราสรุปได้ว่าต้องมีการเสียชีวิตแน่นอน และน่าจะเป็นชีวิตชาวบ้านด้วย

สมมุติว่าเราเข้าไปสลายการชุมนุมได้ด้วยการใช้ความรุนแรง ก็อย่าคิดเลยนะครับว่า กระบวนการแดงมีจำกัดอยู่แค่ที่ราชประสงค์ อารมณ์ความรู้สึกของคนไทยที่ดู PTV มาทั้งวันทั้งคืนเป็นเดือน ๆ และมีใจรักทักษิณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาต้องไม่พอใจแน่นอน และจะมีความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาโดนกลั่นแกล้ง จะแสดงออกด้วยการใช้ความรุนแรงหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่จะเป็นการฝังลึกในความเกลียดชังคนไทยด้วยกัน เป็นไปได้ว่ากระบวนการจะลงใต้ดิน สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินไปอีกนาน

จริง ๆ เขียนมายาวแต่คำถามมีสั้น ๆ เท่านั้นแหละครับว่า พวกเรายอมรับคนตายเป็นร้อยที่ราชประสงค์จริง ๆ หรือครับ และคิดว่านั่นคือคำตอบและทางออกที่ดีที่สุดของประเทศหรือไม่

อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงมีเพื่อน ๆ ถามต่อไปว่า แล้วไง หมายความว่าทำอะไรไม่ได้และจะไม่ทำอะไรงั้นหรือ
เท่าที่ผมเห็น ปัญหาสำคัญคือ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ตรงนี้รัฐบาลต้องแก้ไขโดยด่วน ใครไม่ทำตามต้องปลด ปัญหาที่สองคือ ประชาชนและผู้ประกอบกิจการเล็ก-ใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบ อย่างเช่นทุกๆคนที่ตกงาน ไม่มีรายได้ ในบริเวณพื้นที่ราชประสงค์ รัฐต้องดูแล และเราก็มีมาตรการที่ประกาศออกมาแล้ว ทั้งในรูปของเงินช่วยเหลือและวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ปัญหาที่สามคือ การต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องนี้แล้วแต่คนครับ แต่ส่วนตัวผมชัดเจน ผมได้เคยพูดกับคนฝั่งตรงข้ามว่าตัวคุณอาจจะบอกว่าคุณจงรักภักดี แต่คุณคบหาพึ่งพากับคนที่ต้องการล้มเจ้า ก็เท่ากับคุณเองก็พร้อมที่จะร่วมทำลายสถาบัน

มั่นใจได้ครับว่า จากนี้ไปความเข้มข้นในการทำงานของรัฐบาล จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
แต่เราต้องเข้าใจกันว่าความอดทนต้องมี เราคิดอะไรต้องคิดให้ทะลุ ขอให้พวกเราเชื่ออย่างหนึ่งว่าผู้ที่ต้องอดทนที่สุดไม่ใช่ท่าน และไม่ใช่ผมครับ แต่นายกฯเป็นคนหนึ่งที่ต้องอดทน กินนอนอยู่ในค่ายทหารมาเดือนกว่า ลูกเมียเจอบ้างไม่เจอบ้าง ถูกกล่าวหาต่าง ๆ นา ๆ ด่าพ่อล่อแม่ แบบตอบโต้อย่างไรก็ไม่มีทางทัน ผมบอกได้เลยครับว่าง่ายที่สุดสำหรับนายกฯ ก็คือ ลาออก ยุบสภา หรือสั่งทหารลุย

แต่เมื่อเราหยุดคิดดี ๆ ไม่ว่าจะ ลา-ยุบ-ลุย ล้วนแล้วจะทำให้ชาติต้องบอบช้ำเพิ่มเติม
นายกฯ ก็เลยต้องอดทน ผมรู้จักท่านดีครับ ที่ต้องอยู่ในค่าย กินข้าวไข่เจียวทุกวันนะ ท่านไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ผมรู้ว่าที่ท่านหนักใจก็คือ ท่านรู้ว่าพวกเราอึดอัดและไม่พอใจต่อสถานการณ์

ผมขอบอกพวกเราครับว่า เรื่องนี้ต้องใจเย็นๆ อ่านแล้วอาจจะโกรธผม แต่ท่านลองทบทวนให้ดี Mandela ยอมติดคุก 27 ปี ขณะที่ประชาชนของเขาถูกรังแก เข่นฆ่า เอาเปรียบมาโดยตลอด แต่เขาก็อดทน Gandhi เองถูกข่มขู่ กดดัน รังแกอย่างไร ท่านก็อดทน เพราะท่านรู้ว่าชัยชนะที่ได้มาด้วยสติปัญญาบวกกับความเมตตา เป็นชัยชนะที่ยั่งยืน เพราะทุกคนมีส่วนร่วมในชัยชนะนั้นได้ ทุกคนมีที่ยืน

ผมไม่ได้มีเจตนายกย่องคุณอภิสิทธิ์ว่าเป็นวีรบุรุษหรือรัฐบุรุษหรอกครับ ผมเพียงแต่คิดว่าเราน่าจะเรียนรู้ว่าคนที่ได้รับการยกย่องนั้นเขาได้รับการยกย่องเพราะอะไร และท่านนึกตามดูสิครับ ว่าคนอาฟริกาใต้หรือคนอินเดียในยุคนั้นเขาต้องอดทนต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าของเราเพียงใด

ลองเอาสุดกู่เลยนะครับ ถ้าเสื้อแดงชุมนุมปักหลักอยู่ราชประสงค์ไปอีกหนึ่งปี ก่อนจะเลิกราไป โดยไม่มีความเสียหายต่อชีวิตของพี่น้องคนไทยอีก พวกเรารับได้ไหมครับ ผมว่า Mandela และ Gandhi เขารับได้แต่เราต้องคิดเอาเอง ที่ผมรับไม่ได้คือ ผู้ก่อการร้ายที่ยังคงลอยนวลอยู่ ต้องตำหนิประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เราจำนนต่อเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายและอันธพาลหรอกครับ

ด้วยข้อเท็จจริงทั้งหมด ผมเชื่อว่ากระบวนการเสื้อแดงยึดครองประเทศไทยไม่ได้หรอกครับ ปัญหาก็คือความเคียดแค้นเกลียดชังทำให้คนกลุ่มนี้เพียงไม่กี่คน พร้อมจะทำลายวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน เพื่อสนองต่อตัณหาของเขากลุ่มเดียว เราจะชนะเขาได้ต้องรวมพลังต่อต้านโดยสันติวิธี ต้องอดทนเพราะการต่อสู้ด้วยวิธีนี้ไม่สะใจ ไม่ทันใจ แต่จะเป็นตัวพิสูจน์ที่แท้จริงว่า พวกเราชาวไทยพร้อมอดทนต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย โดยวิถีประชาธิปไตยจริงหรือไม่

(นาย กรณ์ จาติกวานิช รัฐมนตรีคลัง โพสต์โน๊ตลงบน Facebook 27 เมษายน 2553)

No comments:

Post a Comment